วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เรื่องสั้นความรัก
ดินสอกับยางลบ
มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง
ฟังดูอาจตลกทุกคนอาจคิดว่าดินสอกับยางลบเป็นของคู่กันแต่ลองอ่านดูก่อนนะ
ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา
เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
ยางลบจึงถามว่าทำไมล่ะ ดินสอจึงตอบกลับไปว่า
ก็เราเขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย
ยางลบจึงเถียงว่า เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด
ทั้งคู่จึงแยกทางกัน
ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน
แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวยๆที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรก
มีแต่ รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันคิดถึงยางลบจับใจ
ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป
พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ
มันคิดถึงดินสอจับใจ
ทั้งคู่จึง กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งที่ดี
ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด เท่านั้น
ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำดินสอ ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดีๆเท่านั้น
ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี
แต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดีตัวมันก็จะสกปรกแต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่ เรื่องไม่ดี
หรือ คือการให้อภัยนั่นเอง
ฉะนั้น
การเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ
คือ การจำแต่สิ่งดีๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง
ขอให้ทุกคนเป็นอย่างดินสอกับอย่างลบตอนหลังนะ
เหตุผล คน ความรัก
เราไม่เคยสงสัย เมื่อเวลาเรามีความรัก
เพราะคิดว่า ใครๆ ก็รักได้ทั้งนั้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไปและเราพบว่าเส้นทางความรักของเรา
ไม่ได้ไปถึงง่ายๆ อย่างที่คิด...นั่นล่ะ เราถึงจะสัมผัสได้ว่า
"การรักเป็น"...ก็สำคัญเช่นกัน...
ซึ่งทั้งหมดนี้...
ก็เป็นสิ่งที่มีให้เราได้เห็นอยู่จริงๆ ...และก็เพียงเพราะว่า
เขาเหล่านั้นกำลังตกอยู่ในวังวนของความรัก
แต่ถ้าจะหาคำอธิบาย..
ก็คงเป็นเพราะเขาเหล่านั้นไม่สามารถผสมผสาน
การใช้ "ความรู้สึก" กับ "การใช้ความคิด"
เมื่อมีความรักมากกว่า...
จะว่าไปแล้วความรัก ก็เหมือนหลุมพรางอย่างหนึ่งเหมือนกัน...
คุณเคยสังเกตบ้างมั้ยว่า...ตอนเวลาที่เราเริ่มมีความ รัก
เรามักไม่ค่อยสนใจอยากที่จะหาเหตุผลให้มันสักเท่าไหร ่...
ตรงกันข้ามกับเวลาที่จะเลิกรักกัน
ต่างฝ่ายต่างหาเหตุผลมากล่าวอ้างกันน่าดู
ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น...
เชื่อว่าหากเราเรียนรู้และเข้าใจ...
เหตุผลแห่งความรักไปพร้อมๆ การเริ่มต้นและในขณะที่ความรักยังอยู่..
ทุกสิ่งทุกอย่างบนถนนสายนี้..ก็คงไม่วิบากจนเกินไป.. .
แม้อาจมีสะดุดบ้าง...
แต่ก็คิดว่าคงไม่ยากที่จะประคับประคองให้ตลอดรอดฝั่ง ...
หลายสิ่งในชีวิต เราก็เพิ่งเข้าใจเมื่อเราเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่
บางอย่างเราคิดว่าเราทำเป็นมาตลอด...ทั้งที่จริงเราอ าจทำไม่เป็นก็ได้...
อย่างเรื่องการหายใจ..เราคิดว่าเราหายใจมาตั้งแต่ออก จากท้องแม่...
จู่ๆ ก็มีคนมาบอกว่าเราหายใจไม่เป็น...
จากนั้นเขาก็สอน..จนเราได้รู้จักคำว่า..."สมาธิ"...
ปัจจุบัน มีการสอนให้คนคิด...จนเมื่อได้สัมมผัสจึงรู้ได้ว่า
"การคิดเป็น"...สำคัญเพียงใด....
มันก็คงคล้ายๆ กับความรัก
เราไม่เคยสงสัยเมื่อเวลาเรามีความรัก
เพราะคิดว่าใครๆ ก็รักได้ทั้งนั้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป...และเราพบว่า...
เส้นทางของความรักไม่ได้ไปถึงง่ายๆ อย่างที่คิด...
นั่นล่ะ...เราถึงสัมผัสได้ว่า...
"การรักเป็น" ก็จำเป็นและสำคัญมากเช่นกัน...
ไม่ปฏิเสธว่า ความรักนั้นต้องใช้ หัวใจและความรู้สึก นำทางเราไป...
แต่ถ้ามีเหตุผลที่ดีอยู่ข้างๆ ...และเราสามารถปรับสมดุลระหว่าง
"ความรู้สึก" "หัวใจ" กับ เหตุผลของสมองแล้ว...
โอกาสที่เราจะ "หลงทาง" ก็อาจจะไม่มีเลยก็ได้...
"จงใช้ความคิดเพื่อควบคุมตนเอง...แต่จงใช้หัวใจเพื่อควบคุมคนอื่น..."
คลิ๊กดูเพิ่มเติม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น